ร่างกายต้องการทะเล กับเหตุผลยืนยันแบบวิทยาศาสตร์

 
ร่างกายต้องการทะเล กับเหตุผลยืนยันแบบวิทยาศาสตร์.jpg
 
 

          เวลาได้ยินเพลง ร่างกายต้องการทะเล เมื่อไหร่ เราจะคิดว่าเป็นหัวใจต่างหากที่ต้องการ ไม่ว่าจะเอาความเศร้า ความเหนื่อยล้า หรือความไม่รักของใครบางคนไปทิ้งทะเล หรือไปพักผ่อนให้ทะเลปลอบใจชั่วครู่ (ก่อนจะกลับมาเผชิญมันใหม่ซ้ำๆ) ทว่าในแง่วิทยาศาสตร์แล้ว เราสามารถยืนยันให้ฟังโดยมีเหตุผลสนับสนุนว่าร่างกายคนเราต้องการทะเลจริงๆ ไม่ใช่เพราะมันดีต่อใจ แต่เพราะมันดีต่อกายด้วยอย่างไร

          และนี่ก็คือเหตุผล 5 ประการที่จะมาช่วยยืนยันว่าร่างกายคนเรานั้นต้องการทะเลจริงๆ

          1. อากาศบริสุทธิ์ดีต่อระบบทางเดินหายใจ

          ใครว่าป่าไม้ใบเขียวบนเขาสูงจะเป็นที่เดียวเท่านั้นที่อุดมไปด้วยอากาศบริสุทธิ์สดชื่น อากาศเจือกลิ่นเค็มของท้องทะเลนี่แหละที่แสนบริสุทธิ์ดุจญาติมิตรของระบบทางเดินหายใจของแท้ เพราะมันเต็มไปด้วยไอโอดีน แมกนีเซียม และธาตุอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้สำหรับคนที่เป็นโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ ภูมิแพ้ ตลอดจนมีอาการไอเรื้อรัง เพียงแค่คุณลองย้ายตัวเองมานอนสูดอากาศเคล้าเสียงคลื่นดูสักคืนก็จะพบการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ นอกจากนั้นในอากาศที่พัดพามาจากทะเลยังประกอบไปด้วยประจุลบของไฮโดรเจน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยสร้างสมดุลของระดับเซโรโทนิน อันมีผลในการช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย และลดภาวะซึมเศร้าได้

          2. วิตามิน ดี เสริมสร้างความแข็งแรง

          นอกจากจะกลายเป็นสาวผิวแทนสุดแซ่บที่หนุ่มจ้องมองชนิดน้ำลายหกแล้ว การอาบแดดหรือรับแดดริมทะเลทุกวันยังช่วยให้ร่างกายคุณได้รับวิตามิน ดี เต็มที่ ขึ้นชื่อวิตามิน ดี มีหรือจะไม่ดีสมชื่อ โดยเฉพาะคุณสมบัติในการเสริมสร้างแคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยในการดูดซึมวิตามิน เอ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันตัวเอง เพิ่มระดับสารเอ็นดอร์ฟิน ไปจนกระทั่งลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โดยเมื่อคุณปล่อยให้ร่างกายได้รับแสงแดดอย่างพอเพียงทุกวัน (ราว 5 – 30 นาที) น้ำมันในผิวหนังจะทำปฏิกิริยากับแสงแดดก่อให้เกิดวิตามินซึ่งจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอีกที ถึงตรงนี้หลายคนที่ไม่อยากได้ผิวสีแทนเป็นของแถมอาจจะร้องประท้วงในใจ แต่ไม่เป็นไรเพราะมีการวิจัยออกมาว่าแม้คุณจะทาซันสกรีนก่อนออกแดด ก็ยังสามารถรับวิตามิน ดี เข้าสู่ร่างกายได้อยู่ดี

          3. น้ำทะเล เพิ่มภูมิคุ้มกัน

          การแหวกว่ายในน้ำทะเลเป็นประจำจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้ สิ่งนี้เรียกว่าศาสตร์การรักษาด้วยน้ำทะเล หรือ Thalassotherapy ซึ่งเป็นศาสตร์ที่มีการคาดการณ์ว่าเริ่มต้นตั้งแต่สมัยโรมันเมื่อหลายพันปีก่อน โดยชาวโรมันในยุคนั้นเชื่อว่าน้ำทะเลสามารถบำบัดโความเจ็บป่วยต่างๆ ได้ ศาสตร์นี้ได้รับความนิยมเรื่อยมา กระทั่งในศตวรรษที่ 19 หมู่บ้านชายฝั่งในบริททานีย์ ประเทศฝรั่งเศส ก็ยังถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางในการบำบัดรักษาด้วยน้ำทะเลเรื่อยมาจนถึงในปัจจุบันที่มีการค้นพบว่าแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำทะเลอย่าง แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียม และไอโอดีน มีคุณประโยชน์มหาศาลต่อร่างกายของคนเรา และสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ มีผลวิจัยยืนยันว่าระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงสามารถเพิ่มขึ้นได้ระหว่าง 5 -20 % หลังจากได้ว่ายหรืออาบน้ำทะเล แน่นอนรวมถึงเซลล์เม็ดเลือดขาวด้วย นอกจากนี้การแช่น้ำทะเลในระยะเวลาที่มากพอยังช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดภายในร่างกายดีขึ้น ฟังอย่างนี้แล้วยังไม่รีบวางแผนลางานอีก

          4. แมกนีเซียม คลายความเมื่อยล้า

          รู้หรือไม่ แมกนีเซียมเป็นธาตุที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดที่ละลายในน้ำทะเล สำหรับคนที่เหนื่อยล้าจากภาระในชีวิตประจำวัน มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ คิดมาก วิตกกังวล หรือเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันในเมืองใหญ่ ลองหย่อนตัวนิ่งๆ ลงในน้ำทะเลลึกดูสักหน่อย เพราะแมกนีเซียมในน้ำทะเลมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยลดความตึงเครียด รวมถึงมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดให้กลายเป็นพลังงานอีกด้วย งานนี้ใครที่รู้ว่าโรคคนเมืองเริ่มมาเยือน ควรหันหน้าเข้าหาทะเลได้แล้ว

          5. ทรายชายหาด เคล็ดลับผิวเนียนนุ่ม

          อยากผิวเรียบเนียนใสไม่ต้องไปเข้าสปาให้เสียสตางค์เพราะเรามีทางเลือกที่ดีกว่า กำเงินก้อนนั้นไปจองที่พักสวยๆ ริมหาด รอจนแดดร่มลมตกก่อนจะทิ้งตัวลงเกลือกกลิ้งบนผืนทรายเนื้อละเอียด (ดูให้ดีๆ อย่าเลือกจุดที่เต็มไปด้วยเศษหินหรือเปลือกหอยล่ะ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์อาจเป็นอีกอย่าง) ความหยาบที่พอประมาณของทรายทะเลรวมกับแร่ธาตุในทรายและน้ำทะเลจะทำหน้าที่เป็นสครับธรรมชาติ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วทิ้งไป เผยผิวใหม่ที่เนียนนุ่มกว่า ช่วยกระตุ้นรูขุมขนให้ขับของเสียได้ดีขึ้น นั่นหมายความว่าใครที่มีกลิ่นเท้าเหม็นจงรีบซุกเท้าลงทรายโดยพลัน สิ่งนี้แหละสามารถช่วยเท้าท่านได้ นอกจากนี้ยังมีการดูแลแนวใหม่เรียกว่าการ ‘ฝังทรายบำบัด’ หรือการขุดทรายขึ้นมากลบตัวเป็นเวลาราว 20 – 30 นาที (อย่างที่เราชอบทำตอนเด็กๆ) เพื่อช่วยปรับระดับระบบการทำงานภายในร่างกาย สร้างสมดุลของเกลือแร่ กระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด ตลอดจนขับของเสียออกมาทางเหงื่ออีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

 
support techace